PRINTER
ประเภทของ printer และการใช้งาน
หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่า printer ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ มีกี่ชนิดหรือกี่ประเภท และแต่แบบมีลักษะอย่างไร บทความนี้ผมจะขออธิบายให้คุณผู้อ่านทราบถึง ประเภทของ printer แบบต่างๆ และการใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะได้เลือกใช้งาน printer แต่ละแบบได้อย่างเหมาะสมครับ
ประเภทของ printer แบบต่างๆ และการใช้งาน
1. Dotmatrix printer เครื่องพิมพ์ประเภทนี้ในสมัยก่อนเคยเป็นที่นิยม ลักษณะการพิมพ์เป็นแบบใช้หัวเข็ม และไม่ได้ใช้ตลับหมึกแต่ใช้ผ้าหมึกแทน
การใช้งาน มักใช้พิมพ์งานที่ต้องการทำสำเนา เนื่องจากเครื่องพิมพ์ลักษณะนี้มีแรงกด และสามารถพิมพ์กระดาษต่อเนื่องได้ และอายุการใช้งานค่อนข้างนาน แต่มีข้อเสียอยู่ที่คุณภาพงานพิมพ์ต่ำเมื่อเทียบกับ printer ประเภทอื่นๆ และมีเสียงดังขณะพิมพ์งาน
2. Inkjet printer เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทนี้ ในปัจจุบันค่อนข้างได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เนื่องจากราคาที่ไม่สูงจนเกินไป คุณภาพงานพิมพ์เป็นที่ยอมรับ และการใช้งานได้ค่อนข้างหลากหลาย ลักษณะการพิมพ์ จะเป็นการพ่นหมึกพิมพ์เป็นหยดๆ ลงบนกระดาษ
การใช้งาน สามารถพิมพ์งานได้หลากหลาย เอกสาร, ภาพถ่าย, โปสการ์ด แต่โดยทั่วไปมักมีขนาดไม่เกิน A3 และมีสินค้าให้เลือกหลายรุ่นตามระดับราคา และฟังก์ชันที่ต้องการ
3. Laser printer ลักษณะการพิมพ์ของ printer ประเภทนี้ ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมากกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก
การใช้งาน เหมาะสำหรับการพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพที่สูงมากขึ้น เอกสารสำคัญต่างๆ หรืองานที่ต้องการความคมชัดและสวยงามมากกว่าการพิมพ์อิงค์เจ็ทโดยทั่วไป แต่เครื่อง print ประเภทนี้มีราคาสูง และต้นทุนในการใช้งานและบำรุงรักษาก็สูงมากขึ้นด้วย
4. Plotter เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษที่ทำมาเฉพาะงาน พล็อตเตอร์ทำงานโดยใช้วิธีเลื่อนกระดาษ โดยสามารถใช้ปากกาได้ 6-8 สี ความเร็วในการทำงานของ พล็อตเตอร์มีหน่วยวัดเป็นนิ้วต่อวินาที (Inches Per Second : IPS) ซึ่งหมายถึงจำนวนนิ้วที่พล็อตเตอร์สามารถ เลื่อนปากกาไปบนกระดาษ
การใช้งานเหมาะสำหรับงานเกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม และงานตกแต่งภายใน ใช้สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก งานพิมพ์ขนาดใหญ่มีหน้ากว้าง เหมาะสำหรับทำงานด้านป้ายหรือโฆษณา
5. Multifunction printer เครื่องพิมพ์ประเภทนี้เป็น printer ที่รวบรวมฟังก์ชันที่หลากหลายในการทำงานไว้ในเครื่องตัวเดียว เช่น สามารถ scan, copy หรือรับ-ส่งแฟ็กซ์ ได้ในตัวเอง ทำให้มีความสะดวกสบายในการใช้งานที่ค่อนข้างมาก แต่ทั้งนี้ราคาก็มักจะสูงตามความสามารถที่มากขึ้นด้วย
การใช้งานที่หลากหลายนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่า และสะดวกสบายในการทำงาน ซึ่งสามารถเลือกฟังก์ชันจากรุ่นที่มีได้ตามต้องการ
นอกจากประเภทของ printer ต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีเครื่องพิมพ์ที่สำหรับพิมพ์งานเฉพาะด้าน อีกหลายแบบด้วยกัน เช่น เครื่องพิมพ์ฟิล์ม, เครื่องพิมพ์สติกเกอร์-ป้ายต่างๆ เป็นต้น ซึ่ง ผมขอไม่ลงรายละเอียดไปมากกว่านี้แล้วกันนะครับ
ประเภทของ printer แบบต่างๆ และการใช้งาน
1. Dotmatrix printer เครื่องพิมพ์ประเภทนี้ในสมัยก่อนเคยเป็นที่นิยม ลักษณะการพิมพ์เป็นแบบใช้หัวเข็ม และไม่ได้ใช้ตลับหมึกแต่ใช้ผ้าหมึกแทน
การใช้งาน มักใช้พิมพ์งานที่ต้องการทำสำเนา เนื่องจากเครื่องพิมพ์ลักษณะนี้มีแรงกด และสามารถพิมพ์กระดาษต่อเนื่องได้ และอายุการใช้งานค่อนข้างนาน แต่มีข้อเสียอยู่ที่คุณภาพงานพิมพ์ต่ำเมื่อเทียบกับ printer ประเภทอื่นๆ และมีเสียงดังขณะพิมพ์งาน
2. Inkjet printer เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทนี้ ในปัจจุบันค่อนข้างได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เนื่องจากราคาที่ไม่สูงจนเกินไป คุณภาพงานพิมพ์เป็นที่ยอมรับ และการใช้งานได้ค่อนข้างหลากหลาย ลักษณะการพิมพ์ จะเป็นการพ่นหมึกพิมพ์เป็นหยดๆ ลงบนกระดาษ
การใช้งาน สามารถพิมพ์งานได้หลากหลาย เอกสาร, ภาพถ่าย, โปสการ์ด แต่โดยทั่วไปมักมีขนาดไม่เกิน A3 และมีสินค้าให้เลือกหลายรุ่นตามระดับราคา และฟังก์ชันที่ต้องการ
3. Laser printer ลักษณะการพิมพ์ของ printer ประเภทนี้ ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมากกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก
การใช้งาน เหมาะสำหรับการพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพที่สูงมากขึ้น เอกสารสำคัญต่างๆ หรืองานที่ต้องการความคมชัดและสวยงามมากกว่าการพิมพ์อิงค์เจ็ทโดยทั่วไป แต่เครื่อง print ประเภทนี้มีราคาสูง และต้นทุนในการใช้งานและบำรุงรักษาก็สูงมากขึ้นด้วย
4. Plotter เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษที่ทำมาเฉพาะงาน พล็อตเตอร์ทำงานโดยใช้วิธีเลื่อนกระดาษ โดยสามารถใช้ปากกาได้ 6-8 สี ความเร็วในการทำงานของ พล็อตเตอร์มีหน่วยวัดเป็นนิ้วต่อวินาที (Inches Per Second : IPS) ซึ่งหมายถึงจำนวนนิ้วที่พล็อตเตอร์สามารถ เลื่อนปากกาไปบนกระดาษ
การใช้งานเหมาะสำหรับงานเกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม และงานตกแต่งภายใน ใช้สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก งานพิมพ์ขนาดใหญ่มีหน้ากว้าง เหมาะสำหรับทำงานด้านป้ายหรือโฆษณา
5. Multifunction printer เครื่องพิมพ์ประเภทนี้เป็น printer ที่รวบรวมฟังก์ชันที่หลากหลายในการทำงานไว้ในเครื่องตัวเดียว เช่น สามารถ scan, copy หรือรับ-ส่งแฟ็กซ์ ได้ในตัวเอง ทำให้มีความสะดวกสบายในการใช้งานที่ค่อนข้างมาก แต่ทั้งนี้ราคาก็มักจะสูงตามความสามารถที่มากขึ้นด้วย
การใช้งานที่หลากหลายนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่า และสะดวกสบายในการทำงาน ซึ่งสามารถเลือกฟังก์ชันจากรุ่นที่มีได้ตามต้องการ
นอกจากประเภทของ printer ต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีเครื่องพิมพ์ที่สำหรับพิมพ์งานเฉพาะด้าน อีกหลายแบบด้วยกัน เช่น เครื่องพิมพ์ฟิล์ม, เครื่องพิมพ์สติกเกอร์-ป้ายต่างๆ เป็นต้น ซึ่ง ผมขอไม่ลงรายละเอียดไปมากกว่านี้แล้วกันนะครับ

ก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องพิมพ์มาใช้สักเครื่องเพื่อให้ได้งานพิมพ์ที่ตรงใจที่สุด จึงต้องพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัยด้วยกัน ซึ่งวันนี้มีข้อมูลดีๆ "10 เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์" มาแนะนำเป็นข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจเลือกซื้อ
1.เปรียบเทียบเครื่องพิมพ์แต่ละรุ่นด้วยผลงานแบบที่เราต้องการ เพราะงานพิมพ์เอกสาร กราฟิก รูปถ่ายนั้นต้องการเครื่องพิมพ์ที่แตกต่าง ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะพิมพ์เอกสารได้ดีกว่า ส่วนเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตจะสามารถพิมพ์รูปภาพและกราฟิกได้ดีกว่า
2.ถ้าหากไม่ต้องการพิมพ์งานสี เครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาวดำอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะนอกจากให้ความเร็วที่เหนือกว่า แล้วยังให้คุณภาพงานพิมพ์เอกสารและกราฟิกดีกว่าด้วย
3.อย่าเปรียบเทียบความเร็วในการพิมพ์จากที่บริษัทใช้โฆษณา แต่ให้เทียบความเร็วในการพิมพ์ที่ความละเอียดที่เราต้องการใช้งาน เพราะเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตจะใช้ความเร็วสูงสุดเป็นจุดขาย ถ้าเราจะใช้งานที่ความละเอียดสูงบ่อยกว่ามาก
4.ตรวจสอบการเชื่อมต่อ ถ้าหากเรายังใช้เครื่องรุ่นเก่าหรือระบบปฏิบัติการตัวเก่าที่ไม่สนับสนุน USB ต้องแน่ใจว่า เครื่องพิมพ์ที่ซื้อนั้นต้องพ่วงกับพอร์ตขนาน
5.ทางเลือกที่ควรจะเลือกสำหรับเครื่องพิมพ์ที่ใช้งานร่วมกันคือต่อตรงเข้าเน็ตเวิร์กได้ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบวิธีการเชื่อมต่อ และซอฟต์แวร์ในการควบคุมตรวจสอบเครื่องพิมพ์ที่ให้มาด้วยว่าสามารถใช้งานร่วมกับเน็ตเวิร์กที่ใช้งานอยู่ได้หรือไม่
6.เครื่องพิมพ์บางรุ่นสามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ บางรุ่นภายในเครื่องอาจจะไม่มีหน่วยความจำมาให้หรือมีเพียงเล็กน้อย เพราะว่าจะทำงานทั้งหมดจากคอมพิวเตอร์ก่อน ในกรณีที่สามารถอัพเกรดหน่วยความจำได้ ตรวจสอบก่อนว่าเครื่องพิมพ์มีหน่วยความจำมาให้เพียงพอกับที่เราต้องการหรือไม่
7.ยิ่งถ้าเราเปลี่ยนอุปกรณ์สิ้นเปลืองน้อยครั้งเท่าใดยิ่งดี ถ้าเราพิมพ์เอกสารวันละ 25 แผ่น แต่เครื่องพิมพ์รองรับกระดาษได้ 25 แผ่นเช่นกัน เราจำเป็นต้องใส่กระดาษทุกๆ วัน ในขณะที่เครื่องพิมพ์ที่รองรับกระดาษได้ถึง 250 แผ่นนั้น เราเพียงแค่ใส่กระดาษเพิ่มอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องที่จุกระดาษและหมึกได้มากพอกับความต้องการใช้งาน โดยที่เราไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยเกินไป
8.ถ้าหากจำเป็นต้องพิมพ์งานปริมาณมากจริงๆ วิธีที่ดีที่สุด จะต้องตรวจสอบปริมาณงานพิมพ์ที่เครื่องนั้นรองรับต่อเดือน โดยปกติเครื่องที่เลือกใช้นั้นควรจะรองรับงานพิมพ์ได้ประมาณ 4 เท่าของงานพิมพ์จริงที่เราต้องการ
9.ก่อนจะซื้อเครื่องพิมพ์ ควรตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตเสียก่อน เพื่อดูว่าบริษัทมีการอัพเดตไดรเวอร์และมีข้อมูลทางเทคนิคบริการเอาไว้ให้หรือไม่
10.เมื่อต้องการเปรียบเทียบเครื่องพิมพ์ให้ตรวจสอบค่าใช้จ่ายจริงที่จะเกิดขึ้น อุปกรณ์มาตรฐานของเครื่อง เช่น สายไฟ สายสัญญาณ ความจุของวัสดุสิ้นเปลือง ตลับหมึก ไม่ใช่เพียงแค่ดูจากราคาเครื่องที่แตกต่างกันเท่านั้น เพราะยิ่งถ้าหากพิมพ์งานมาก ค่าใช้จ่ายต่อแผ่นที่แม้จะต่างกันเพียงเล็กน้อย ย่อมส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งหมดได้เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น